4 ระดับความสัมพันธ์ (Human Connection)
1) ชั้นต่ำสุด “TAKE & TAKE ” หรือ “กูจะเอา”
แบบนี้ติดลบแน่ เพราะต่างคนต่างคิดจะรับอย่างเดียว “สนิท”แบบนี้จึงอยู่ได้ไม่นานก็ล่มสลาย
2) “GIVE & TAKE” หรือ “ต่างให้ต่างตอบแทน
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่านี่ คือการสร้าง connection ความสัมพันธ์ที่ดี แต่ “มิตรภาพ” แบบนี้มีทุนเสมอตัว ผลประโยชน์ต่างตอบแทน ยากที่จะก้าวหน้า เพราะผู้ให้หวังสิ่งตอบแทนรูปใดหนึ่งๆ กลับคืนมาเสมอ
3) “GIVE & GIVE ” หรือ “พี่นี้มีแต่ให้”
เป็นความ “มิตรภาพ” เชิงบวก หาได้ยาก แต่มีประโยชน์มาก ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ แต่ยังไม่ได้ดีที่สุด…ที่ดีที่สุดนั้นคือ
4) “GIVE & FORGET” หรือ “รู้จักให้ รู้จักลืม รู้จักอภัย”
ให้แล้ว…ลืม หรือ ไม่หวังให้ใครมาตอบแทน
ให้อภัยในสิ่งที่เขาเคยทำผิดพลาดพลั้งเผลอต่อเรา นี่เป็น “มิตรภาพ” ที่มีพลังมากที่สุดบนโลกใบนี้ เป็น connection ความสัมพันธ์ที่ “พ่อแม่มีต่อลูก” …แต่ถ้าใครทำได้ และนำไป ใช้ก็ล้วนเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและคนอื่น อย่างทรงคุณค่า และทรงพลัง
Cr : Forward LINE
ภาพจากเน็ต
” ความลับของฟ้า ”
ประชาชาติธุรกิจ
ธนา เธียรอัจฉริยะ
….ความลับของฟ้า … เป็นคำที่พี่เล้ง ศิริวัฒน์ วงจารุกร แห่ง mfec ใช้บ่อยๆ เวลาเล่าเรื่องปรัชญาโบราณและวิธีคิดในการดำเนินชีวิต โดยหมายถึงว่าใครรู้และเข้าใจถึงความลับบางอย่าง ก็จะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จหรือยิ่งใหญ่ในชีวิตได้ พี่เล้งเองก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จจากความลับนี้ในสายตาของผมและเป็นที่เคารพนับถือของคนที่ได้รู้จักพี่เล้งอย่างมาก
พี่เล้งอธิบายว่า… ในสังคมปกติจะมีคนอยู่ 3 กลุ่ม
พี่เล้งบอกว่าถ้าไปลองวาดกราฟดู คนที่ประสบความสำเร็จมากๆในสังคม กับ คนที่ล้มเหลวมากๆในสังคมมักจะเป็นผู้ให้ (giver) ทั้งสิ้น
ที่ล้มเหลวเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะถ้าผู้ให้ (giver) ไปอยู่ในดงของคนเอาแต่ได้แล้ว ก็คงจะรอดออกมายาก แต่ผู้ให้ที่อยู่ในฝั่งที่ประสบความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
พอฟังเรื่องนี้จบ ผมเลยนึกถึงเรื่องสามเรื่องที่เพิ่งได้ยินมาไม่นานขึ้นมา
– เรื่องแรกเป็นเรื่องของคุณอนันต์ อัศวโภคิณ..
คุณอนันต์เคยเล่าถึงการได้ที่ดินผืนงามในราคาที่ไม่แพงที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ Terminal 21 ว่า เกิดจากเมื่อก่อนหน้าจะได้ที่ดินผืนนี้หลายปี คุณอนันต์ได้ไปติดต่อซื้อที่ดินจากเจ้าของคนหนึ่งแถวสีลม และได้บอกปากเปล่าว่า ที่ดินสีลมนี้มีอัตราส่วนการสร้างที่ 4:1 จากความเป็นจริงในตอนนั้นแล้วก็เสนอราคาตกลงซื้อขายกันเรียบร้อย เวลาผ่านไปไม่นาน มีการอนุมัติใหม่ให้ที่ดินผืนดังกล่าวมีอัตราส่วนใหม่ที่ 6:1 ทำให้คุณอนันต์ได้ประโยชน์มากขึ้นมาก และคุณอนันต์เองก็ได้ซื้อที่ดินมาเรียบร้อยโดยไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรอื่นอีก
แต่ด้วยความเป็นคุณอนันต์ คุณอนันต์ก็ถือเงินสดส่วนหนึ่งที่ได้จากกำไรที่เพิ่มขึ้น เอาไปให้เจ้าของที่ดินเดิม ซึ่งเจ้าของที่ก็งงๆ เพราะได้ขายขาดไปแล้ว และก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนนั้น แต่ก็คงประทับใจในความแฟร์ของคุณอนันต์
อีกหลายปีต่อมา เจ้าของที่ดินคนเดิมซึ่งมีที่อยู่อีก 10 ไร่ตรงอโศก ก็ประกาศให้เช่าที่ระยะยาวโดยมีราคาเริ่มต้นในการประมูลไม่แพงมาก และมีคนสนใจมาร่วมประมูลมากมาย แต่พอคุณอนันต์แสดงความสนใจในที่ดินผืนนั้น เจ้าของที่ก็ไม่ลังเลที่จะให้คุณอนันต์ในราคาตั้งต้นโดยที่ไม่ต้องประมูลแข่งกับคนอื่นอีก คุณอนันต์ก็เลยได้ที่ดินผืนงามมาทำ Terminal 21 ในปัจจุบัน เป็นอานิสงส์จากการกระทำในอดีตโดยแท้
-เรื่องที่สองเป็นเรื่องของคุณตัน ภาสกรนที..
คุณตันเล่าเรื่องหนึ่งถึงสมัยที่ขายของเบ็ดเตล็ด เทปคาสเซ็ท หนังสือ นิตยสารอยู่แถวท่ารถที่ชลบุรี ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่มาขึ้นรถที่แถวร้านคุณตันเพื่อไปกรุงเทพ ปกติก็จะมีผู้ชายคนนึงชอบเดินเข้ามาเดินเล่นดูเทป ดูหนังสือฆ่าเวลาก่อนขึ้นรถไปทำงานที่กรุงเทพแล้วก็กลับมาตอนเย็นๆ เดินดูอีกรอบแล้วก็กลับบ้าน ไม่เคยซื้ออะไรในร้านเลยเพราะราคาเทปสมัยนั้นไปซื้อที่กรุงเทพถูกกว่า จนวันหนึ่งฝนตกหนัก ชายคนนี้เดินเข้ามาในร้านด้วยสภาพเปียกปอน ในมือถือเอกสารอยู่ปึกหนึ่ง คุณตันสังเกตุเห็น ไม่ได้พูดอะไรแล้วก็ยื่นถุงพลาสติกลายการ์ตูนที่วางขายอยู่ให้ถุงนึง ผู้ชายคนนั้นก็ขอบคุณแล้วก็เดินออกไป
หลังจากนั้นคุณตันบอกว่า ชายคนนั้นกลับมาและซื้อเทปซื้อหนังสือจากร้านคุณตันทุกครั้ง ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าที่กรุงเทพฯ จนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด
-เรื่องที่สามเป็นเรื่องของ พี่สุรชัย พุฒิกุลางกูร มือ illustrator อันดับหนึ่งของโลก
พี่สุรชัยเคยเล่าเรื่องสมัยที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วไปรับงานเป็นล่ามในงานแสดงสินค้าศิลปะหัตถกรรมไทยที่นั่น พี่สุรชัยบอกว่า.. แกมีหน้าที่คอยอธิบาย (แบบงูๆปลาๆ) ให้คนญี่ปุ่นฟังถึงที่มาที่ไปของหัตถกรรมที่นำไปแสดงโชว์
ในงานนั้นพี่สุรชัยสังเกตุเห็นชายญี่ปุ่นแก่ๆคนหนึ่งมาด้อมๆมองๆ เดินดูงานแกะสลักช้างอยู่หลายวัน และในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อ พี่สุรชัยก็เลยไปถามว่าทำไมถึงสนใจและซื้องานชิ้นนั้น ชายญี่ปุ่นคนนั้นซึ่งภายหลังทราบว่าเป็นคุณครูโรงเรียน บอกพี่สุรชัยว่าที่ซื้อเพราะมาอยู่หลายวันและสังเกตุคุณลุงคนไทยที่แกะสลักงานชิ้นนั้น แล้วรู้สึกว่า… คุณลุงเป็นคนดีก็เลยคิดว่างานจะต้องดี ก็เลยซื้อ
พี่สุรชัยบอกว่า การมองงานศิลปะของคุณครูญี่ปุ่นนั้นเปลี่ยนโลกของพี่สุรชัยไปเลย
คุณครูคนนั้นเชื่อว่า… คนดีก็จะย่อมทำงานที่ดี เป็นวิธีคิดที่พี่สุรชัยคาดไม่ถึง และทำให้วิธีคิดนั้นติดอยู่ในหัวของพี่เขา จนไปประทับใจ กับครีเอทีฟนิสัยดีคนหนึ่งแล้วยอมทำงานให้แบบแทบไม่คิดสตางค์เพราะอยากทำงานกับคนนั้น จนได้เป็นผลงานระดับสุดยอดของโลก (งาน Samsonite : heaven&hell) ที่ทำให้พี่สุรชัยแจ้งเกิดในเวทีระดับโลกได้อย่างงดงาม
ด้วยความคิดที่ว่า… คนดีย่อมทำงานที่ดี โดยแท้
……
ความลับของฟ้าที่พี่เล้งบอก ก็คือว่า ถ้าผู้ให้ (giver) ไม่ไปอยู่กับพวก taker หรือ matcher แต่กลับอยู่ท่ามกลางพวก giver ด้วยกัน โอกาสที่จะประสบความสำเร็จหรือทำอะไรได้เจริญรุ่งเรืองจะมีสูงมาก เพราะ… พวก giver ไม่ได้คิดแบบ zero sum game ไม่ต้องมีเราชนะเขาแพ้ มีแต่ถ้าได้ต้องได้ด้วยกัน รวยด้วยกัน มีอะไรก็แบ่งปันกัน ยิ่งมียิ่งอยากแบ่ง
กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จสูงในสังคม เป็นกลุ่มที่ส่งเสริมเกื้อหนุนกัน ยิ่งให้ยิ่งได้กลับมาก
เป็นความลับของฟ้าที่ผมแอบมาบอกทุกท่านวันนี้ครับ ….
จาก forward line